GRAND SEIKO represents Kintaro Hattori’s philosophy

 

หน้าปัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะจากการออกแบบที่เปี่ยมด้วยพลัง และความโดดเด่นของกลไกที่ทำงานด้วยความถี่สูง มีต้นกำเนิดจากในปี 1881 ที่ Kintaro Hattori ได้ก่อตั้งบริษัทซึ่งในเวลาต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ SEIKO และบริหารงานจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในวัย 73 ปีในปี 1934 โดยความเชื่อของเขาคือบริษัทจะต้อง ‘นำหน้าผู้อื่น 1 ก้าวเสมอ’ และนี่คือสิ่งที่ทุกคนในองค์กรนำมาใช้ในการทำงาน โดยเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ยังได้นำบทเรียนแห่งชีวิตบทใหม่มาให้กับคนในองค์กรนั่นก็คือ ‘อย่าวิ่งหนี แต่ให้มุ่งทำต่อไป’ ซึ่งคำพูดของเขายังคงดังก้องอย่างทรงพลังจวบจนทุกวันนี้

 

bd3425eb211fa37a73a9379bb01a663591c76e6f
และเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้องค์กร ขับเคลื่อนจนประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ในขณะที่ GRAND SEIKO ยังไม่ถือกำเนิดขึ้นจนถึงปี 1960 ที่ไม่มีอะไรที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังของพวกเขา ได้ดีเท่ากับสิ่งที่รวบรวมอยู่ใน GRAND SEIKO ทั้งในเรื่องการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีการผลิต การขัดแต่งอย่างประณีต และเพื่อเป็นการให้เกียรติในวาระของการครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้งบริษัท GRAND SEIKO จึงได้ประกาศผลงานสร้างสรรค์อันโดดเด่น เพื่อสื่อถึงจิตวิญญาณและวิสัยทัศน์ของ Kintaro Hattori

 

Screen Shot 2564 03 05 at 23.44.39

 

ด้วยนาฬิกาที่มาพร้อมการออกแบบหน้าปัด ซึ่งดึงเอาความสวยงามตามธรรมชาติของวงปีในต้นไม้มาร่วมรังสรรค์ เหมือนกับการย้อนกลับเพื่อเปิดเผยถึงทุกต้นกำเนิดในเรื่องราวของเขา โดยชุดของเส้นสายที่ละเอียดอ่อนและเป็นธรรมชาตินั้น สะท้อนให้เห็นถึงวงแหวนที่สลับซับซ้อน ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของในแต่ละปี โดยหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์และมีความเป็นธรรมชาติ กับการจัดวางอยู่บนตัวเรือนที่โดดเด่นในทุกรายละเอียดได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้ สามารถก่อให้เกิดความสุขที่ส่งผ่านทางสายตา และทำให้หัวใจอบอุ่นด้วยความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอง

 

Screen Shot 2564 03 05 at 23.46.06

 

ซึ่งทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาตามแนวคิดของ GRAND SEIKO ที่เรียกว่า ‘ธรรมชาติแห่งเวลา’ ความรู้สึกที่ได้จากสัมผัสคือการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น โดยวิธีที่แสงเดินทางมาส่องกระทบกับลวดลาย ในแบบหลายมิติที่อยู่บนหน้าปัดที่มีมิติความลึกเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งแม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย แต่ก็มองเห็นได้ และเผยให้เห็นความละเอียดอ่อน ของโทนสีเข้มและสีอ่อนของลายไม้ได้อย่างชัดเจน โดยผสมผสานการออกแบบจากการรวมอันทรงพลัง เข้ากับความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Series 9 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่น ที่เป็นซิกเนเจอร์แห่งอนาคตของ GRAND SEIKO

 

wewe

 

เข็มชั่วโมงมีขนาดใหญ่ในเชิงของพื้นที่หน้าสัมผัส และยังได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับรูปแบบของหลักชั่วโมงบนหน้าปัด เพื่อช่วยทำให้การมองเวลามีความชัดเจนและสะดวก ตัวเรือนที่เงางามดุจดั่งภาพสะท้อนบนกระจกและปราศจากการผิดเพี้ยน พร้อมกับเส้นสายบนตัวเรือนที่ผ่านการขัดแต่งอย่างประณีต ที่สามารถเล่นกับแสงที่ส่องกระทบได้อย่างกลมกลืน ด้วยข้อต่อตัวเรือนที่มีขนาดกว้างและการจับคู่กับสายหนังที่มีคุณภาพ ให้สัมผัสแห่งความพึงพอใจและช่วยทำให้เกิดความรู้สึกสะดวกสบาย ที่สามารถสัมผัสถึงความพอดีและความประณีตเมื่อนาฬิกาถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือ

 

Screen Shot 2564 03 05 at 23.42.59

 

กลไกอินเฮ้าส์ที่ทำงานในความถี่ที่สูงถึง 36,000 กับกลไกคาลิเบอร์ 9SA5 ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนแห่งอนาคตของ GRAND SEIKO โดยมีความสวยงามของการขัดแต่งกลไก ที่เผยให้เห็นผ่านทางฝาหลังแบบใสที่ใช้กระจกแซฟไฟร์ ด้วยประสิทธิภาพในระดับสูงของดูอัลอิมพัลส์เอสเคปเมนท์, ฟรี-สปรังบาลานซ์ และตลับลานแบบคู่ ทำให้กลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 9SA5 สามารถทำงานในความถี่ที่ระดับสูง ซึ่งสามารถตอบสนองด้วยความเที่ยงตรงในระดับ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน และให้พลังสำรองลานที่ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง นอกจากนั้นทุกรายละเอียดของกลไก ยังได้รับการผลิตด้วยความประณีตอย่างถึงที่สุด

 

Screen Shot 2564 03 05 at 23.47.56

 

จากกระบวนการผลิตสมัยใหม่ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเฉพาะเข้ากับงานฝีมือในระดับสูงสุด กับการผลิตในแบบจำนวนจำกัดบนตัวเรือนที่ผลิตจากแพลทตินัม เพื่อการฉลองในวาระครบรอบที่มีความพิเศษในครั้งนี้ และที่ขาดไม่ได้เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของ GRAND SEIKO มาโดยตลอด นั่นก็คือเครื่องหมายดวงดาวที่ติดตั้งอยู่บริเวณเหนือ 6 นาฬิกาบนหน้าปัด เพื่อบ่งบอกว่ามาร์กเกอร์ชั่วโมงได้รับการผลิตจากทองคำ เช่นเดียวกับตัวอักษร GS, กรอบหน้าต่างของช่องวันที่ และชุดล็อกสาย โดยจะมีการผลิตเพียง 140 เรือนทั่วโลก และจะเริ่มจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2021 ที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO เท่านั้น