เผยโฉมนาฬิกาซีรี่ส์ใหม่จาก GRAND SEIKO GMT เพื่อฉลองความงามของ 4 ฤดูกาล

 

ฤดูกาลในประเทศญี่ปุ่นจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ฤดู และใน 4 ฤดูยังถูกแบ่งย่อยออกเป็นอีก 6 ช่วง โดยทั้ง 4 ฤดูกาลจะมีลักษณะความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป การเปลี่ยนแปลงจากฤดูกาลหนึ่งไปยังอีกฤดูกาลหนึ่ง จะเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน และทำให้เวลามีความใกล้ชิด กับความรู้สึกของเรามากยิ่งขึ้น

 

SBGJ251 2

 

ช่วงฤดูที่ถูกเลือกจะประกอบไปด้วย Shunbun (ชุนบุน - ฤดูใบไม้ผลิ), Shosho (โชโฉะ - ฤดูร้อน), Kanro (คังโร - ฤดูใบไม้ร่วง) และ Toji (ฤดูหนาว) ซึ่งนาฬิกาในรุ่น Shunbun และ Shosho จะนำเสนอในกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S86 ซึ่งเป็นกลไกความถี่สูงระดับ 36,000 รอบต่อชั่วโมง ในขณะที่นาฬิกาในรุ่น Kanro และ Toji จะนำเสนอในกลไกสปริงไดร์ฟคาลิเบอร์ 9R66

 

Screen Shot 2564 04 17 at 19.24.36

 

นาฬิกาในรุ่น Shunbun Ref. SBGJ251 จะนำเสนอภาพของฤดูใบไม้ผลิ ที่ถือเป็นการเดินทางของวันที่มีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนที่เท่ากัน และสามารถสัมผัสถึงฤดูใบไม้ผลิได้อย่างเต็มปอด จากอากาศที่อยู่รายล้อมรอบต้นซากุระ ที่เติบโตบนภูเขาและเริ่มผลิบาน โดยดอกซากุระจะกระจายตัวประดับประดาอยู่บนเนินเขาอย่างงดงาม ในลักษณะเดียวกันกับหน้าปัดที่จะมีทั้งสีเขียวและสีโรสโกลด์ สะท้อนถึงคำสัญญาของฤดูใบไม้ผลิอย่างสมบูรณ์แบบ

 

Grand Seiko SBGJ251 Shunbun

 

นาฬิกาในรุ่น Shosho Ref. SBGJ249 เป็นตัวแทนของช่วงเวลาที่ฤดูฝนสิ้นสุดลง และฤดูร้อนกำลังย่างกรายเข้ามา ซึ่งในช่วงนี้เองที่สายลมอันอบอุ่น ได้สร้างระลอกคลื่นอันละเอียดอ่อน ในทะเลสาบและแอ่งน้ำหลายพันแห่งทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับทอแสงระยิบระยับท่ามกลางแดดของช่วงต้นฤดูร้อน และทำให้ลายคลื่นนี้ปรากฏอยู่อย่างงดงามบนหน้าปัดนาฬิกาอย่างมีชีวิต

 

sbgj249 grand seiko gmt seasons collection shosho 1

 

นาฬิกาในรุ่น Kanro Ref. SBGE271 จากแรงบันดาลใจของช่วงเวลาเย็นยามตะวันตกดิน ในขณะที่จะมีอากาศที่เย็นสบายในช่วงเช้า พร้อมกับเข็มวินาทีที่เคลื่อนตัวอย่างเงียบๆ บนหน้าปัด ราวกับดวงจันทร์ที่เคลื่อนตัวผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่ซึ่งฤดูใบไม้ร่วงผ่านพ้นมาจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว

 

30fb25884b553e2a16c5cb2bfe7cb7a0

 

นาฬิการุ่น Toji Ref. SBGE269 นำปรากฏการณ์ของช่วงเวลากลางคืนอันยาวนานกว่ากลางวัน ของประเทศในแถบซีกโลกเหนือมาใช้กับหน้าปัดนาฬิกา ที่สื่อถึงจุดเริ่มต้นของฤดูหนาวที่มีอากาศแจ่มใสและปลอดโปร่ง พร้อมกับหิมะที่ล่องลอยไปตามเสียงแห่งลม กับพื้นผิวและสีที่สะท้อนถึงทิวทัศน์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ตะวันกำลังจะคล้อยลับไปกับขอบฟ้า

 

sbge269 grand seiko gmt seasons collection toji 1

 

กับตัวเรือนที่โค้งมนอย่างนุ่มนวลพร้อมกับขอบที่คมและมีเหลี่ยมมุมอย่างโดดเด่น ตามแบบฉบับสไตล์คลาสสิคของ GRAND SEIKO พร้อมขอบตัวเรือนที่ได้รับการขัดแต่งด้วยเทคนิคซารัทซึ ที่สะท้อนภาพให้เห็นราวกระจกใสและปราศจากความผิดเพี้ยนจากพื้นผิว ซึ่งไม่ว่าจะในกลไกอัตโนมัติหรือกลไกสปริงไดร์ฟ ก็จะสามารถชื่นชมการทำงานและรายละเอียดของการขัดแต่งอันประณีต ของชุดกลไกได้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง

 

SBGJ251G

 

 

SBGJ249G

 

นาฬิการุ่น Shunbun และ Shosho จะมีตัวเรือนสตีลในขนาด 39.5 มิลลิเมตร หนา 14.1 มิลลิเมตร พร้อมสายสตีล ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ ที่มีความเที่ยงตรงในระดับ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน และมีพลังสำรองลานนาน 55 ชั่วโมง ในขณะที่นาฬิการุ่น Kanro และ Toji จะมีตัวเรือนสตีลในขนาด 40.2 มิลลิเมตร หนา 14.0 มิลลิเมตร พร้อมสายสตีล ทำงานด้วยกลไกสปริงไดร์ฟ ที่มีความเที่ยงตรงในระดับ +/-1 วินาทีต่อวัน (+/-15 วินาทีต่อเดือน) และมีพลังสำรองลานนาน 72 ชั่วโมง

 

SBGE271G

 

 

SBGE269G

 

โดยนาฬิกาทั้ง 4 รุ่นจะมีฟังก์ชั่นจีเอ็มที เพื่อแสดงเวลาไทม์โซนที่ 2 พร้อมสายสตีลและบานพับแบบ 3 ทบและปุ่มกดคลายล็อคสาย กระจกแซฟไฟร์ทรงยกสูง พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน และฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์ โดยมีความสามารถในการกันน้ำในระดับ 3 บาร์และ 10 บาร์ พร้อมความทนทานต่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในระดับ 4,800 แอมป์/เมตร โดยนาฬิการุ่น Shunbun และ Shosho จะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 250,000 บาท และนาฬิกาในรุ่น Karo และ Toji จะมีราคาจำหน่ายที่ 223,000 บาท

 

 Grand Seiko 2021 1920x720