SEIKO Prospex Marinemaster 1965 Diver’s Modern Re-interpretation

SEIKO เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 1965 โดยในช่วงหลายทศวรรษนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แบรนด์ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี การออกแบบ และคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ทำให้คอลเลคชั่นนาฬิกาดำน้ำภายใต้ชื่อ Prospex ให้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักดำน้ำมืออาชีพรวมทั้งผู้ที่สนใจทั่วโลก โดยมีนวัตกรรมและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งทำให้ SEIKO กลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนาฬิกาดำน้ำ โดยมี Marinemaster ที่เป็นซีรี่ส์เรือธงสำหรับนาฬิกาดำน้ำ ที่มากับกลไกอันแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูง พร้อมให้ความแม่นยำในระดับสูง

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.19.14

 

จากการออกแบบมาสำหรับใช้งานในนาฬิกานักดำน้ำโดยเฉพาะ และถือเป็นนาฬิการะดับสูงสุดของรุ่น Prospex ซึ่งมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมด้านการผลิตของ SEIKO ตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในตลาดประเทศญี่ปุ่น โดยนาฬิกาในซีรี่ส์นี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ และเปิดตัวทั่วโลกภายใต้ชื่อ Prospex Marinemaster ใหม่ในนาฬิกา 3 รุ่น ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นหนึ่งรุ่น และอีกสองรุ่นในแบบนอร์มอลโปรดักชั่น จากแรงบันดาลใจของนาฬิกาดำน้ำ SEIKO เรือนแรกในปี 1965 ซึ่งถือเป็นตัวแทนในการเปิดตัว Marinemaster ใหม่ทั่วโลกอย่างเป็นทางการ

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.19.57

 

จากสิ่งที่แฟนๆ นาฬิกา SEIKO รู้จักกันดีในชื่อ 62MAS อันเป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์จากปี 1965 และถือเป็นนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกที่ผลิตในญี่ปุ่น โดยมีหน้าปัดลายแถบแนวนอนที่มีพื้นผิวที่แสดงถึงคลื่นที่ซัดสาด ในขณะเดียวกันก็เพิ่มสัมผัสที่มีสไตล์ให้กับดีไซน์ใหม่ ซึ่งมีข้อความ “Marinemaster”พิมพ์อยู่ใต้โลโก้ SEIKOณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยมีหน้าปัดสีขาว-เงินจะเป็นนาฬิกาในรุ่น ที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นเพื่อการฉลองครบรอบ 100 ปีของ SEIKOในขณะที่รุ่นหน้าปัดสีฟ้าและสีดำจะเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่น Prospex Marinemaster ที่เป็นนาฬิกาที่ผลิตในแบบนอร์มอลโปรดักชั่น

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.19.35

 

พร้อมเข็มแสดงเวลาชั่วโมง นาที และวินาที ที่สืบทอดดีไซน์ของนาฬิกาดำน้ำรุ่นปี 1965 และมอบความสามารถในการอ่านค่าเวลาในที่มืด ได้อย่างมั่นใจจากสารลูมิไบรท์ เช่นเดียวกันกับขอบเบเซิลที่หมุนได้ในทิศทางเดียวทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 6L37 ที่เป็นกลไกรุ่นแรกในกลไกคาลิเบอร์ซีรี่ส์ 6L ที่มีความเพรียวบางจากการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองความทรหดในการดำน้ำ พร้อมมอบรูปลักษณ์อันเพรียวบางที่น่าพึงพอใจ และความสบายในการสวมใส่ระดับสูงไปพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดจากกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 6L35 รุ่นก่อนๆ ให้มีความทนทานต่อแรงกระแทกมากยิ่งขึ้น

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.19.24

 

นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกของนาฬิกาดำน้ำจาก SEIKO ที่การสร้างสรรค์ Marinemaster ใหม่ให้มีมีฝาด้านหลังแบบ เพื่อช่วยให้สามารถมองเห็นกลไกการทำงาน อันประณีตและมีประสิทธิภาพสูงได้อย่างเด่นชัด ซึ่งการพัฒนานาฬิกาดำน้ำให้มีฝาหลังแบบโปร่งใสนี้ นอกจากอาจทำให้เกิดความหนายิ่งขึ้น และยังต้องคำนึงถึงระดับการกันน้ำพร้อมการกันกระแทก ในระดับสูงอย่างที่นาฬิกาในรุ่น Prospex เป็น ดังนั้นโครงสร้างตัวเรือนแบบใหม่พร้อมการเลือกใช้กลไกคาลิเบอร์ 6L37 คือทางเลือกที่ดีที่สุด และทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกาดำน้ำ ที่มีกลไกที่บางที่สุดในปัจจุบันนั่นคือที่ 12.3 มิลลิเมตร

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.19.45

 

กับโครงสร้างตัวเรือนในขนาด 39.5 มิลลิเมตรใหม่ ที่ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างฟังก์ชั่นการทำงาน และความสวยงามพร้อมการลบมุมอันงดงามของตัวเรือน ซึ่งสร้างรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและทันสมัยยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่สำคัญของ 62MAS รุ่นคลาสสิคจากปี 1965 ไว้ จากการผสมผสานระหว่างการขัดแต่งแบบเส้นแฮร์ไลน์ และการขัดเงาของตัวเรือนและสาย ที่ช่วยให้เกิดการตัดกันของวัสดุและทำให้เกิดความสง่างามได้อย่างซับซ้อน พร้อมความสะดวกสบายในการสวมใส่ ที่ถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งและมีมาโดยตลอดสำหรับนาฬิกาดำน้ำของ SEIKO Prospex ในทุกรุ่น

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.20.32

 

ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ล้วนมีในนาฬิกา Marinemasterใหม่กับสายนาฬิกาแบบใหม่ที่มีข้อต่อรูปวงรี พร้อมพื้นผิวโค้งคู่ที่ขัดเงาแบบมิเรอร์ เมื่อผสมผสานเข้ากับตัวเรือนที่เพรียวบางและกลไกที่มีประสิทธิภาพสูง จึงทำให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาMarinemaster ใหม่จะเต็มไปด้วยความเป็นนาฬิกา SEIKO แบบคลาสสิคสไตล์ ซึ่งในขณะเดียวกันก็มุ่งไปสู่แนวทางข้างหน้าในอนาคตอีกด้วย โดยนาฬิกา Marinemaster ใหม่ในหน้าปัดสีเงิน-ขาวจะมีจำหน่ายในแบบจำนวนจำกัด 1,000 เรือน และนาฬิกาทั้งสามเรือนนี้จะเริ่มจำหน่ายเฉพาะที่บูติคนาฬิกา SEIKO ทั่วโลกเท่านั้นในเดือนธันวาคม 2023 และจากนั้นจึงจะวางจำหน่ายกับตัวแทนจำหน่ายทั่วไป โดยจะมีราคาจำหน่ายในยุโรปที่ 6,400 ยูโร

 

Screen Shot 2566 11 28 at 20.20.09