LOUIS ERARD 2340
สายนาฬิกาก็ใหม่ ตัวเรือนก็ใหม่ แล้วยังใช้กลไกชุดใหม่เป็นครั้งแรก ในคอลเลคชั่นนาฬิกาของเรา เพราะอย่างที่เคยบอกไว้ว่า เรากำลังยกระดับตัวเอง ที่เราหมายความอย่างนั้นจริงๆจากในช่วง 5 ปีที่เป็นกลยุทธ์ในการทำงานแบบใหม่ของเรา ขอเชิญทุกคนพบกับนาฬิกา LOUIS ERARD เรือนแรกของเราที่มาพร้อมสายนาฬิกาแบบบูรณาการ ในชื่อรุ่น 2340 อันเป็นรหัสไปรษณีย์ของบ้านเราที่เลอนอร์มง ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของบทบาทใหม่ของ LOUIS ERARD ไปแล้วพร้อมกัน

จากในทุกรายละเอียด ทั้งด้านเทคนิคและสุนทรียศาสตร์ ที่มาจากความมุ่งมั่นจนถึงขีดสุด แห่งความหลงใหลในโลกของนาฬิกา พร้อมสร้างขึ้นเพื่อความทนทานในการใช้งาน และไม่ใช่นาฬิกาที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น แต่เป็นผลงานชิ้นเอก ภายใต้การตีความใหม่ของเรา ในสไตล์สปอร์ต-ชิคของ LOUIS ERARD ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกา ในคอลเลคชั่นใหม่ที่รังสรรค์ขึ้น ด้วยแนวคิดทางวัสดุศาสตร์และความร่วมมือกัน จากผู้ผลิตหลายแหล่งที่ทำให้ LOUIS ERARD ในปัจจุบัน

จะมีในสองรูปแบบนั่นก็คือคอลเลคชั่น Noirmont และคอลเลคชั่น 2340 อันถือเป็นเครื่องบรรณาการแด่เลอนอร์มง ที่เป็นบ้านและจิตวิญญาณของ LOUIS ERARD ในปัจจุบัน พร้อมความเป็นนาฬิกาที่มีสายแบบบูรณาการเรือนแรกของแบรนด์ ที่มาพร้อมวัสดุสตีลและไทเทเนียม ผนวกเข้าด้วยกันกับโครงสร้างข้อต่อ ในแบบชุดห้าข้อที่มีความเรียวบาง โดยข้อสตีลขัดเงาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะมีข้อต่อด้านนอกไทเทเนียมขัดเงาคั่นกลางอยู่ พร้อมชุดล็อคในแบบปีกผีเสื้อที่มาพร้อมชุดสปริง

พร้อมตัวเรือนแบบไฮบริด ที่มีตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมแบบขัดเงา เพื่อความเบาสบายในการสวมใส่ ส่วนสลักขอบตัวเรือน เม็ดมะยม และฝาหลังตัวเรือน จะผลิตจากสตีลที่ผ่านเทคนิคการขัดเงา พร้อมการใช้ชุดกลไกใหม่จาก SELLITA คาลิเบอร์ SW300-1 ซึ่งนำมาใช้เป็นครั้งแรกของนาฬิกาจาก LOUIS ERARD โดยมีหน้าปัดในสามแบบ ทั้งสีเขียวมิ้นต์พร้อมลวดลาย “พีล” ที่เน้นสีสันและโลโก้แคปซูล ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยมีหน้าปัดสีน้ำเงิน และสีน้ำเงินเข้มพร้อมลวดลายลายแบบเส้น

ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากข้อต่อกลางของสายนาฬิกา โดยมีส่วนประกอบทั้งหมดจำนวน 92 ชิ้น ในตัวเรือนที่มีความหนาเพียง 8.95 มิลลิเมตร และให้ความสามารถในการกันน้ำได้ลึก 50 เมตร ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้นาฬิกามีความเบา มากกว่าการใช้สตีลในชิ้นส่วนทั้งหมดถึง 30% และที่สำคัญ นาฬิการุ่นนี้จะมีผลิตในแบบจำนวนจำกัด แต่จะไม่ใช่นาฬิกาในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น เนื่องจากความยุ่งยากในการจัดการด้านการผลิต รวมทั้งชิ้นส่วนจำนวนมาก ที่ต้องเน้นวิธีการประกอบโดยช่างผู้ชำนาญการ

เพราะถึงเวลาแล้วที่จะออกแบบ นาฬิกาที่มีสายแบบบูรณาการ จากช่วงเวลาในการพัฒนากว่าสองปี ที่นำพาเรามาถึงจุดนี้ จากสถาปัตยกรรมชิ้นส่วนแบบเรียวเล็ก ที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียมและสตีลสองชนิด โดยมีพื้นผิวสองแบบที่ตัดกัน ทั้งการขัดเงาและขัดด้าน โดยข้อต่อแต่ละชิ้นจะได้รับการขัดเงา ด้วยมือหลังการประกอบแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อน และต้องปราศจากข้อบกพร่องใดๆ “นาฬิกาเรือนนี้แม้จะไม่ได้มีความเรียบง่ายที่สุด แต่จะมีความลื่นไหลมากที่สุดในทุกชิ้นส่วน”

“ที่ประกอบเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ในระดับการตกแต่งขั้นสูงของนาฬิกาเรือนนี้ ที่แม้จะดูแพงแต่ผู้ที่ชื่นชอบก็จะรับรู้และสัมผัสได้ ถึงความเหนือกว่าด้านการออกแบบและสุนทรียศาสตร์ ที่แสดงให้เห็นถึงวิศวกรรมศาสตร์ ในตัวเรือนที่ประณีตและหน้าปัดที่มีพื้นผิวสัมผัสอย่างล้ำลึก ซึ่งนี่คือต้นแบบของอัตลักษณ์ ของการแสดงความเป็นนาฬิกาสปอร์ตในแบบของเรา จากการพัฒนาการใน 5 ปีที่ได้ข้อสรุปมากมายไว้ในนาฬิกาเรือนนี้ ที่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” Manuel Emch กล่าว



