ULYSSE NARDIN Freak [X Crystalium], Part I
จากความโดดเด่นทั้งในด้านนวัตกรรมเชิงกลไก และการออกแบบที่แหวกแนวเหนือความคาดหมายของ ULYSSE NARDIN นาฬิการุ่นพิเศษใหม่นี้จึงสามารถนำเสนอ การผสมผสานอย่างกล้าหาญระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้เข้ากับกับศิลปะการตกแต่งชั้นสูงได้เป็นอย่างดี ด้วยการเลือกใช้คริสตัลเลี่ยม (Crystalium) อันเป็นวัสดุใหม่ที่ผ่านกระบวนการพัฒนาที่ยากและซับซ้อน เพื่อสร้างแผ่นดิสก์สำหรับหน้าปัด ที่เปล่งประกายงดงามและแตกต่างได้อย่างมีเอกลักษณ์

ด้วยความท้าทายของกระบวนการผลิต และความประณีตในทุกรายละเอียด นาฬิการุ่น Freak [X Crystalium] จึงผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ในการผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยี และงานฝีมือไปสู่ขอบเขตใหม่โดยไร้ข้อจำกัด จากพื้นฐานของนาฬิการุ่น Freak ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2001 ที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการนาฬิกา ที่ไม่ใช่เพียงการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ แต่คือการประกาศจุดเริ่มต้นของยุคสมัยในวงการนาฬิกา

ด้วยแนวคิดที่กล้าทะลายทุกกรอบดั้งเดิม พร้อมนำเสนอนาฬิกาที่ไม่มีเข็ม ไม่มีหน้าปัด และไม่มีเม็ดมะยม แต่ยังเปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ซึ่ง Freak แสดงให้เห็นถึงการแสดงค่าเวลาในรูปแบบใหม่ โดยใช้กลไกภายในนาฬิกาเป็นจุดแสดง ซึ่งนี่คือนาฬิการุ่นบุกเบิกในกลุ่ม "ซูเปอร์วอทช์" ที่ไม่เพียงแค่โดดเด่นด้านรูปลักษณ์อันแปลกตา แต่ยังเปลี่ยนแปลงแนวทางการออกแบบ กลไกนาฬิกาได้อย่างก้าวกระโดด ดังนั้นการเปิดตัว Freak จึงไม่ใช่เพียงการนำเสนอผลงานใหม่

แต่เป็นการเปิดประตูสู่โลกใหม่ของประวัติศาสตร์นาฬิกาชั้นสูง ที่ผู้เชี่ยวชาญขนานนามว่าเป็น "Modern Horology Era" จากเบื้องหลังนวัตกรรม นั่นคือความอัจฉริยะและวิสัยทัศน์ของ Dr. Ludwig Oechslin จากทุกอย่างที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1980 ขณะที่อุตสาหกรรมนาฬิกาส่วนใหญ่ กำลังหันไปสู่เทคโนโลยีควอท์ซ แต่ ULYSSE NARDIN กลับร่วมกับ Oechslinรังสรรค์ผลงานอัศจรรย์ กับนาฬิกาข้อมือแบบจักรกลที่สามารถ แสดงแผนที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่งสมบูรณ์แบบ

ซึ่งนั่นก็คือ Astrolabium Galileo Galilei นาฬิกาเรือนพิเศษที่ถือเป็นนาฬิกา ที่มีความซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา และได้รับการบันทึกไว้ใน GUINNESS WORLD RECORDS ช่วงเวลาไม่กี่ปีถัดมา โดยในปี 2001 จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม และความอิสระดังกล่าวนี้ ยังนำมาสู่การเปิดตัวนาฬิการุ่น Freak นาฬิกาแบบบอกเวลาอย่างเดียว ที่มีความซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังเป็นหนึ่งในผลงานการปฏิวัติวงการ นาฬิกาชั้นสูงที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ Freak ยังเป็นนาฬิกาเรือนแรก ที่นำเทคโนโลยีซิลิคอนมาใช้ในชุดกลไก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่จุดประกายแห่งนวัตกรรม ไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมนาฬิกา พร้อมเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการบอกเวลา พร้อมความแม่นยำ และประสิทธิภาพอันเหนือชั้น โดยนับตั้งแต่การเปิดตัว Freak ก็ได้รับการจดสิทธิบัตรรวมกันมากกว่า 20 ฉบับ และกลายเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการนาฬิกาแห่งศตวรรษที่ 21 มากไปกว่าความก้าวหน้าทางวิศวกรรม

ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า Freak คือนิยามของความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมเชิงกลไก และจิตวิญญาณแห่งความอิสระ ที่กล้าท้าทายขีดจำกัดดั้งเดิมของศาสตร์การผลิตนาฬิกา โดยมีทายาทนั่นก็คือ Freak X ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2019 พร้อมถ่ายทอดดีเอ็นเอแห่งความกล้า ในรูปแบบที่เรียบง่ายและทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเป็นครั้งแรกที่มีการเพิ่มเม็ดมะยม สำหรับการขึ้นลานและตั้งเวลา พร้อมจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของ Freak ที่ยังคงถ่ายทอดไว้ได้อย่างครบถ้วน

ผ่านกลไกแบบฟลายอิ้งที่แสดงเวลาชั่วโมง ส่วนนาฬิการุ่นใหม่ Freak [X Crystalium] นี้ULYSSE NARDIN ได้นำ Freak เข้าสู่บทถัดมาของนวัตกรรม โดยการผสานชุดกลไกเข้ากับมิติใหม่ของการออกแบบ ผ่านแผ่นดิสก์แสดงชั่วโมงแบบหมุน ที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการแบบไฮเทค ซึ่งต่อยอดทางด้านงานวัสดุศาสตร์ พร้อมผลักดันขีดจำกัดของการสร้างสรรค์ เรือนเวลาให้มีความก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม และยังสะท้อนผ่านประสบการณ์ที่สัมผัสได้ในทุกมิติ ทั้งในแง่ของรูปลักษณ์และชุดกลไก
โปรดติดตามบทความในครั้งต่อไป


