BREGUET Classique Double Tourbillon Ref. 5345 Quai de l’horloge
นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจาก BREGUET เรือนนี้มีการผสมผสานความสามารถเชิงจักรกล เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านสุนทรียศาสตร์ โดยแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวของกลไกตูร์บิยองทั้งสองชุด ผ่านดิฟเฟอเรนเชียลกลาง ซึ่งส่วนประกอบแต่ละชิ้นของนาฬิกาเรือนนี้จะผลิตขึ้นด้วยมือ ตรงกันกับข้อความด้านหลังตัวเรือนที่สลักไว้ว่า “House on the Quai” ซึ่งหมายถึงอาคารสไตล์ปารีสที่ Abraham-Louis Breguet เติมเต็มชีวิตการทำงานของเขาในอดีต
![]()
BREGUET รุ่น Classique Double Tourbillon Quai de l’Horloge รุ่นใหม่นี้มีกลไกที่ขนาดใหญ่ พร้อมขนาดตัวเรือนที่ไม่ต่างจากชุดกลไกมากนัก ซึ่งทำให้พื้นที่ในการทำงานมีจำกัดมาก รวมไปถึงชุดกลไกนี้ที่ BREGUET สร้างความซับซ้อนพร้อมความกลมกลืน ซึ่งดูเหมือนจะท้าทายกฎของฟิสิกส์ เช่นเดียวกับการแกะสลักอย่างประณีต บนชุดกลไกที่มองให้เห็นได้ทั้งหมดเป็นครั้งแรก โดยกลไกจะหมุนรอบแกนด้วยอัตราการหมุนเต็มรอบในทุก 12 ชั่วโมง
![]()
เพื่อทำการขับเคลื่อนชุดกลไกตูร์บิยองอิสระสองชุด ซึ่งแต่ละชุดจะหมุนเต็มรอบต่อนาที โดยมี เข็มชั่วโมงที่เป็นเอกลักษณ์ แสดงในแกนของกรงตูร์บิยองข้างหนึ่ง เหนือชิ้นส่วนกลไกจำนวนมากมาย ซึ่งมีส่วนประกอบที่ผลิตขึ้นจากทองคำ อันเป็นหนึ่งในรูปแบบการผลิตที่เป็นประเพณี ซึ่งในปัจจุบันได้สูญหายไปมากแล้ว และ BREGUET พยายามดำรงไว้ โดยจะเห็นได้จากข้อความการแกะสลักที่ด้านหลัง ที่แสดงให้เห็นถึงสถานที่ๆ Abraham-Louis Breguet เริ่มต้นผลิตนาฬิกาขึ้นในปารีส

ผลงานที่เป็นที่จดจำมาตลอดในหลายศตวรรษ คือการคิดค้นกลไกที่จะหนีปัญหาของความไม่เที่ยงตรงอันเกิดจากแรงโน้มถ่วง ในช่วงเวลานั้นที่นาฬิกาพกจะถูกเก็บไว้ในแนวตั้งในกระเป๋าเสื้อที่ Abraham-Louis Breguet ออกแบบโดยการรวมชุดบาลานซ์วีลและสายใย ในแคร่ที่เคลื่อนที่และหมุนด้วยตัวเอง ซึ่งโดยหลักการแล้ว ความเป็นอัจฉริยะและความน่าหลงใหลในผลงานการประดิษฐ์ของเขา ก็ยังคงทำให้ BREGUET เป็นหนึ่งในนาฬิกาเรือนเอกของโลกมาโดยตลอดอย่างแท้จริง

Classique Double Tourbillon ใน Ref. 5345 นี้ ก็มีความคล้ายคลึงกันในทางเทคนิคกับงานสร้างดั้งเดิม โดยสายใยจะประกอบไปด้วยช่วงโค้งแบบเทอร์มินัล ที่มีลักษณะเฉพาะและจะทำให้แก้ปัญหาในการคลายและคืนตัวของสายใยในชื่อของ บริเกต์โอเวอร์คอยล์ ซึ่งสปริงบาลานซ์ในชุดกลไกนี้ ก็ยังคงขึ้นรูปด้วยมือ ในขณะที่การปรับแต่งต่างๆ นั้นก็ยังคงทำได้ด้วยมือเช่นการปรับสมดุลของกรงตูร์บิยองเป็นต้น ซึ่งจุดเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งในการคงประเพณีการผลิตแบบดั้งเดิมของโลกเอาไว้
![]()
ชุดกลไกตูร์บิยองทั้งสองจะทำงานอย่างเป็นอิสระจากกัน โดยแต่ละชุดจะขับเคลื่อนด้วยชุดทดของตัวเอง และมีดิฟเฟอเรนเชียลกลางทำหน้าที่ทดเพื่อให้เกิดค่าชดเชยขึ้นจากทั้งสองกรง ส่วนชุดเข็มนาทีจะเป็นแบบคลาสสิคที่ขยับตัวอยู่ในตำแหน่งกลางหน้าปัด ในขณะที่สปริงลานในตลับ จะมีการคลายตัวอย่างช้าๆ ในช่วงเวลาเท่าๆ กันด้วยชุดกลไกที่จะช่วยลดการเสียดทาน และสุดท้ายคือชุดเม็ดมะยม ที่ใช้ระบบเซฟตี้แบบไดนาโมเมตริค ป้องกันไม่ให้มีการขึ้นลานสปริงมากจนเกินไป

ตัวเรือนผลิตจากแพลทตินัมในขนาด 46 มิลลิเมตร หนา 16.8 มิลลิเมตร กรุกระจกแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กลไกไขลานอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 588N ให้พลังสำรองลานนานถึง 50 ชั่วโมง บาลานซ์-วีลแบบถ่วงด้วยสกรูว์ และบริเกต์บาลานซ์-สปริง ใช้งานคู่กันกับสายหนัง/ยางสีเทา ตัดขอบและหลังสายสีน้ำเงิน และโพลดิ้งส์แคล็ปแบบสามท่อนเพื่อการใช้งานที่สะดวกสูงสุด โดยมีชิ้นส่วนกลไกทั้งหมดจำนวน 738 ชิ้นให้ประกอบเข้าด้วยกันเป็นนาฬิกาอันงดงามเรือนนี้

จากการเปิดตัวกลไกชุดนี้เป็นครั้งแรกในปี 2006 ขณะนี้ Double Tourbillon ก็ได้มีโอกาสเปิดเผยตัวเอง และอวดสวยตาผู้คนทั่วโลกเป็นครั้งแรกในแบบสเกเลตัน โดยมีการขัดแต่งและแกะสลักอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดด้วยมือ ซึ่งมีทั้งการแกะลายกิโยเช่ และอื่นๆ ในหลากหลายรูปแบบ ตามแบบฉบับที่ Abraham-Louis Breguet ผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1775 ที่ 39 Quai de l’Horloge ในปารีส ที่ไม่เพียงเป็นความทรงจำอันล้ำค่า แต่ยังคงเป็นประวัติศาสตร์ที่โลกและวงการนาฬิกาต้องจารึกไว้ตลอดกาล




