BREITLING Unveils the updated Superocean heritage
Superocean Heritage กลับมาอีกครั้ง พร้อมความโฉบเฉี่ยวและเฉียบคม สำหรับฤดูกาลแห่งแสงแดดและเกลียวคลื่น ในความเป็นนาฬิกาสำหรับคนรักทะเลที่หรูหราที่สุดของ BREITLING ที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน จากการผสมผสานสไตล์วินเทจเข้ากับความทันสมัยที่สดใหม่ โดยในทุกรายละเอียดได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียด ตั้งแต่ขนาดตัวเรือนไปจนถึงการเพิ่มกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ใหม่ ด้วยดีไซน์ใหม่พร้อมกับการเปิดตัวนาฬิกา ที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นที่ออกแบบร่วมกันกับ Kelly Slater อีกด้วย

เพราะ Superocean Heritage ไม่ใช่แค่นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำธรรมดาๆ อย่างที่เคยมีมา จากที่ BREITLING เปิดตัวนาฬิการุ่นนี้เป็นครั้งแรกในปี 1957 พร้อมนำแนวคิดที่แตกต่างจากนาฬิกาดำน้ำรุ่นอื่นๆ ในยุคนั้นกับนาฬิกา Ref. 1004 ที่ถือเป็นนาฬิกาสุดโฉบเฉี่ยว และ Ref. 807 นาฬิกาโครโนกราฟสำหรับนักดำน้ำรุ่นแรกของโลก ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการสำรวจโลกใต้น้ำเท่านั้น แต่ยังเน้นที่รูปลักษณ์ที่สวยงามขณะสวมใส่อีกด้วย โดยมีเข็มนาฬิกาทรงสเฟียร์และลูกศร พร้อมขอบเบเซิลแบบหมุนที่ผลิตด้วยเทคนิคอะโนไดซ์

มาพร้อมสัดส่วนที่เพรียวบางเป็นธรรมชาติ และทำให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นที่ชื่นชอบ ของนักผจญภัยผู้มีสไตล์ที่ใช้ชีวิต เพื่อท้องทะเลและทิวทัศน์ใต้น้ำ โดยปัจจุบันปรัชญาดังกล่าวยังคงเป็นหัวใจสำคัญของ Superocean Heritage ที่ยังคงรักษาจิตวิญญาณของนาฬิกาในยุค 50s ไว้อย่างครบถ้วน ผนวกกับการออกแบบเพื่อการใช้งานในยุคปัจจุบัน โดย Georges Kern ซีอีโอของแบรนด์นาฬิกา BREITLING สรุปว่า “Superocean Heritage คือนาฬิกาสำหรับการสวมใส่ในทะเล ที่มีความหรูหรามากที่สุดของเรา ซึ่งการปรับปรุงครั้งนี้ได้เน้นไปที่”

“ความประณีตและความบรรจง โดยทุกรายละเอียดได้รับการปรับแต่งให้มีความสมบูรณ์แบบ แต่จิตวิญญาณยังคงเดิมทุกประการ ซึ่งนี่คือเรื่องของสไตล์สำหรับการสวมใส่ในทะเล”โดยการปรับโฉมใหม่นี้ได้นำเอาทุกสิ่งที่ทำให้ Superocean Heritage โดดเด่นมาปรับให้เฉียบคมยิ่งขึ้น ซึ่งคอลเลคชั่นนี้จะประกอบไปด้วยนาฬิกาโครโนกราฟในขนาด 42 มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกโครโนกราฟอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 01 ส่วนรุ่นที่ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติจะมีทั้งในขนาด 44 มิลลิเมตร, 42 มิลลิเมตร และ 40 มิลลิเมตร

และทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ B31 ซึ่งเป็นกลไกแบบสามเข็มรุ่นแรกของ BREITLING ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2025 ที่ผ่านมา ส่วนรุ่นในอีกขนาดคือ 36 มิลลิเมตร จะทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 10 โดยโทนสีของนาฬากในคอลเลคชั่นนี้ ถูกปรับให้มีความเรียบง่ายลงเหลือเพียงสีดำ สีน้ำเงิน และสีเขียว จับคู่กับขอบเบเซิลเซรามิคที่เข้าชุดกัน เพื่อความทนทานต่อรอยขีดข่วนที่เหนือกว่า ซึ่งจะทำให้นาฬิกาดูใหม่อยู่เสมอในอนาคต ส่วนสายจะเป็นแบบตาข่ายโลหะ และตาข่ายยางที่บางและเบากว่า

รวมทั้งผสานเข้ากับตัวเรือนได้มากขึ้น เพื่อช่วยให้ช่วงรอยต่อมีความแนบสนิทยิ่งขึ้น พร้อมกับชุดล็อคแบบบานพับเพื่อความเรียบเนียนไร้รอยสะดุด นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งอื่นๆ ที่ช่วยเสริมความสมมาตรและสัดส่วนอย่างลงตัว ทั้งหน้าปัดย่อยแบบโทนสีเดียวกัน และช่องแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ที่มอบองค์ประกอบอันสมดุลให้ ขณะที่เข็มนาฬิกาก็มีความโดดเด่น ทั้งลูกศรแสดงค่าชั่วโมง และเข็มสเฟียร์แสดงค่านาที รวมไปถึงมาร์กเกอร์แบบปลายแหลม ที่ช่วยรักษาความคมและชัดเจนในการอ่านค่าเวลา

ที่เป็นสิ่งที่ทำให้นาฬิการุ่นดั้งเดิม จากช่วงกลางศตวรรษ ได้รับความไว้วางใจจากบรรดานักดำน้ำ รวมไปถึงรุ่นที่เป็นวัสดุเรดโกลด์บนขอบเบเซิลด้านนอก เพื่อเพิ่มความแวววาวและยังคงรักษา ความงดงามอันทันสมัยของคอลเลคชั่นไว้ โดยคอลเลคชั่นที่หลากหลายนี้ จะมาพร้อมกับขนาดตัวเรือนที่ 36 มิลลิเมตร และ 40 มิลลิเมตร ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ นาฬิกาแบบดำน้ำในขนาดที่เล็กลง เพื่อร่วมกันทำให้นาฬิการุ่น Superocean Heritage ใหม่ยังคงความเหนือชั้นของนาฬิกาแบบดำน้ำไว้ได้เช่นเดิม



