คอลเลคชั่นแคปซูลนาฬิกา CHANEL Blush, Part I
ในปี 2025 สตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของ CHANEL ได้รังสรรค์ผลงานที่อุทิศให้กับโลกอีกใบที่ Gabrielle Chanel ตีความขึ้นมาใหม่ นั่นคือโลกแห่งความงามแห่งนาฬิกา CHANEL Blush ที่ในคอลเลคชั่นแคปซูลนี้ส่งมอบพลังแห่งอิสระ และความกล้าหาญผ่านเฉดสีที่สดใส พร้อมดีไซน์ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา กับนาฬิกาอันล้ำค่าเหล่านี้ที่ถ่ายทอดแก่นแท้ ของจักรวาลแห่งความงามโดยเก็บรายละเอียด ทั้งเฉดสีและเนื้อสัมผัส ด้วยศิลปะแห่งการรังสรรค์นาฬิการ่วมสมัย

จาก Gabrielle Chanel ผู้มาก่อนกาลถึงหนึ่งศตวรรษ และได้เปลี่ยนแปลงนิยามของโลกแห่งน้ำหอม รวมทั้งเครื่องสำอางด้วยการเปิดตัวน้ำหอม N°5 และไลน์เครื่องสำอางสุดเรียบหรู อย่างโดดเด่นในช่วงทศวรรษ 1920 ที่แป้งและลิปสติกในตลับเคลือบแลคเกอร์สีดำเหล่านี้ ดูราวกับว่าได้ลดทอนสีสันของตัวเองลง เพื่อเผยให้เห็นความงดงามที่แท้จริง จากความแตกต่างที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งนี่คือแรงบันดาลใจที่ Arnaud Chastaingt ผู้อำนวยการสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกานำมาใช้

จนกลายเป็นความงามไร้กาลเวลา ที่ผ่านทักษะและความชำนาญการชั้นยอด ของสตูดิโอสร้างสรรค์ของ CHANEL พร้อมเทคนิคงานฝีมือล้ำค่าหลากหลายแบบ ทั้งการเคลือบอีนาเมลแบบกรองฟูว์, การลอกลายและการพิมพ์แพดบนหน้าปัด การฝังอัญมณีแบบโปร่งเบา การลงสีชิ้นงานศิลปะแบบย่อส่วน และการแกะสลักทอง ที่ถูกนำมาใช้กับนาฬิกาแต่ละเรือน เพื่อสร้างเสน่ห์เย้ายวนอันมีเอกลักษณ์ ให้กับนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ เพื่อให้เป็นนาฬิกาในแบบเครื่องประดับอย่างแท้จริง

เริ่มต้นจากนาฬิการุ่น J12 Blush คาลิเบอร์ 12.1 และคาลิเบอร์ 12.2 ที่มาในเฉดสีชมพูและสีแดงที่ไล่ระดับ บนตำแหน่งแสดงเวลาและขอบตัวเรือน พร้อมเติมความสง่างามและพลังอันโดดเด่น ที่เกิดจากการตัดกันระหว่างตัวเรือนเซรามิคสีดำเข้ม กับเฉดสีแบบไล่ระดับของตำแหน่งแสดงเวลา และขอบตัวเรือนที่เคลือบด้วยแลคเกอร์ ในขนาดตัวเรือนที่ 38 มิลลิเมตร และ 33 มิลลิเมตร พร้อมการทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติผลิตโดยKENISSI ซึ่ง CHANEL เป็นเจ้าของร่วม

ต่อมาคือนาฬิการุ่น Mademoiselle J12 Blush คาลิเบอร์ 12.1 ในตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร ที่มีภาพของ Gabrielle Chanel แบบขาวดำที่กำลังหันหน้ามายังโต๊ะเครื่องแป้ง และรายล้อมด้วยเครื่องสำอางชิ้นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอายแชโดว์ แป้ง ลิปสติก และอื่นๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างประณีต ด้วยเทคนิคการลอกลายในโทนสีเงินและสีชมพูอ่อน โดยรายละเอียดทั้งหมดจะหมุนรอบหน้าปัด ด้วยจานเหวี่ยงที่จะทำงานและหมุนครบรอบในช่วงเวลาทุก 5 นาที

มาในตัวเรือนเซรามิคสีดำพร้อมขอบตัวเรือน ที่ตกแต่งด้วยลวดลายบาแก็ตต์ และทำงานดด้วยกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 12.1 ที่ผ่านการรับรองระดับความเที่ยงตรงจาก COSC รวมทั้งต่อมากับนาฬิการุ่น Première Charms Blush ที่เผยเสน่ห์เย้ายวนด้วยกราฟิคอันโดดเด่น ในสีดำล้วนและสายโซ่สตีลที่ร้อยด้วยริบบิ้น หนังสีดำพร้อมขับเน้นเส้นสายด้วยชาร์ม 6 ตัวอักษรที่สะกดเป็นคำว่า "CHANEL" ในเฉดสีที่เคลือบแลคเกอร์ด้วยมือ ซึ่งชวนให้นึกถึงสีของยาทาเล็บอันเป็นเอกลักษณ์

และต่อมากับนาฬิกา Première Cuff Blush ที่สะท้อนความสวยหวานแบบผู้หญิงที่ Gabrielle Chanel หลงใหล กับสีสันที่ดูคล้ายแต่งแต้ม ด้วยลิปสติกสีชมพูและสีแดงไล่สี พร้อมสายโซ่สตีลเคลือบสีดำ ที่ร้อยเข้ากับสายหนังถึง 7 แถว โดยแต่ละเส้นแต่งแต้มด้วยเฉดสีชมพูและสีม่วง ส่วนที่ใจกลางของนาฬิกาในตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยม จะแสดงหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ ที่เพรียวบางและสะท้อนความบริสุทธิ์ ของกาลเวลาได้อย่างสมบูรณ์แบบในสไตล์ของ CHANEL

อีกหนึ่งเรือนเด่นนั่นก็คือนาฬิการุ่น Boy·Friend Blush ที่สื่อถึงความสดใสในสไตล์ป๊อปอาร์ท ด้วยภาพของมาดมัวแซลที่กำลังส่งจูบบนหน้าปัดในลายแบบ “Coco Kiss” ในโทนสีชมพูแบบไล่เฉดที่เป็นตัวกำหนดสไตล์โดยรวม ของนาฬิกาด้วยสายหนังลูกวัวลายควิลท์สีชมพูแต่งขอบสีดำ ซึ่งเข้าคู่กับตัวเรือนสตีลพร้อมขอบเคลือบแลคเกอร์สีชมพูได้เป็นอย่างดี โดยแลคเกอร์ได้รับการลงสีด้วยมืออย่างประณีต ซึ่งสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือของ CHANEL เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Mademoiselle Privé Pincushion “Beauty Art” ที่มีภาพวาดบนหน้าปัดในสไตล์เซอร์เรียลลิสท์ ที่ถ่ายทอดภาพมือของมาดมัวแซล ที่รายล้อมด้วยเครื่องสำอางชิ้นโปรด พร้อมสร้อยคอแบบย่อส่วนประดับเพชร และไข่มุกที่สอดประสานกันอย่างงดงาม โดยมีมือที่แกะสลักจากชิ้นทองคำ ที่ได้รับการตกแต่งด้วยแซฟไฟร์สีชมพู พร้อมรายละเอียดอันประณีตนี้ เป็นผลงานชั้นเยี่ยมจากเวิร์กช็อป LES CADRANIERS de GENÈVE แห่ง F.P. JOURNE

ไม่ว่าจะเป็นลิปสติก พาเลทอายแชโดว์ น้ำยาทาเล็บ และบลัชออนที่ปรากฏในชิ้นทองคำรมดำ ที่เป็นงานศิลปะแบบย่อส่วน พร้อมการเคลือบอีนาเมล ผนวกเข้ากับหน้าปัดสีดำที่เปล่งประกายด้วยเพชรจำนวน 120 เม็ด และไข่มุกโทนสีเยลโลว์โกลด์อีกจำนวน 234 เม็ด รวมไปถึงนาฬิการุ่น Code Coco Blush ในแบบกำไลข้อมือที่มาพร้อมโลโก้ CHANEL แบบประทับลายนูน พร้อมตัวอักษรอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งหก ที่ประดับอยู่บนสายหนังลูกวัวสีชมพูทอประกาย

แต่งขอบและบุซับด้วยหนังสีดำ กับชุดล็อคอันเป็นที่จดจำของมาดมัวแซล พร้อมทั้งการใช้งานที่โอบรอบกับข้อมือได้อย่างกระชับ และยังเผยให้เห็นถึงหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำสองหน้าปัด โดยหน้าปัดข้างหนึ่งจะเปล่งประกายด้วยเพชรสีขาว รวมไปถึงนาฬิกา J12 Box “Dripping Art” ที่มาจากหยดสีของน้ำยาทาเล็บ ที่สาดกระเซ็นบนหน้าปัดนาฬิกา J12 ได้อย่างมีศิลปะ และรวมกันเป็นชุดนาฬิกา 5 เรือนที่เชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว โดยทีมพัฒนาได้ทำการทดสอบเฉดสี

รวมกันมากกว่าร้อยครั้งเพื่อสร้างสรรค์ลวดลาย หยดน้ำยาทาเล็บด้วยเทคนิคการเคลือบ อีนาเมลแบบกรองฟูว์ บนหน้าปัดเซรามิคและใช้เวลาวิจัยอีกกว่า 200 ชั่วโมง โดยมาพร้อมกล่องไม้เคลือบเงา เพื่อให้เข้ากับลวดลายสาดกระเซ็นของหยดสี ที่เคลือบเงาบนดีไซน์ของนาฬิกาแต่ละเรือน ที่ประกอบไปด้วยนาฬิกา 5 เรือนในหนึ่งชุด ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 12.1 พร้อมทำการแต่งแต้มแท่นกลไกด้วยเฉดโทนสีดำ เพื่อความสมบูรณ์แบบของนาฬิกาในเซ็ทนี้

นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น J12 Pink Palette จากเอกลักษณ์ด้านความงามของลิปสติกในตำนานของ CHANEL ที่ได้รับการถ่ายทอดลงบนนาฬิกา ในตัวเรือนเซรามิคสีดำเข้มที่ส่องประกาย ด้วยแซฟไฟร์สีชมพูเจียระไนทรงบาแก็ตต์ ซึ่งไล่เฉดสีอย่างประณีตบนขอบตัวเรือน และตำแหน่งแสดงเวลา โดยมีแซฟไฟร์สีชมพู 58 เม็ดใน 9 เฉดสี ตั้งแต่ชมพูอ่อนละมุนไปจนถึงชมพูเข้มลึกล้ำ เพื่อสะท้อนถึงเฉดสีอันโดดเด่นของลิปสติก CHANEL ซึ่งทำงานด้วยกลไกคาลิเบอร์ 12.2

กรุณาติดตามในตอนต่อไป


