New PERRELET - Turbine Urban Skeleton
ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 250 ปีของ PERRELET ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1777 โดยปรมาจารย์ผู้ประดิษฐ์นาฬิกา Abraham-Louis Perrelet ที่ยังคงความพิเศษของความเป็นนาฬิกาชั้นเลิศ พร้อมความสมบูรณ์แบบสำหรับในทุกโอกาส ไม่ว่าจะในโลกธุรกิจหรืองานกาล่าดินเนอร์ รวมไปถึงสำหรับวิถีชีวิตของคนในเมืองใหญ่ กับนาฬิการุ่นล่าสุด Turbine Urban Skeleton ที่นำเสนอในสามเวอร์ชั่นที่แตกต่างกัน
โดยแต่ละเวอร์ชั่นจะเน้นด้วยสีสันที่สดใสทั้ง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีแดง ในตัวเรือนทรงคุชชั่นพร้อมองค์ประกอบที่ขาดหาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กังหันหมุนได้ บนหน้าปัดของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Turbine ได้เปิดให้เห็นโครงสร้างการทำงานภายในแบบสเกเลตัน จากดีเอ็นเอที่ฝังแน่นอยู่ในแบรนด์ พร้อมผ่านการจดสิทธิบัตร Turbine® อันเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่ปี 2009 ที่ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ของ PERRELET ซึ่งถือเป็นเวลากว่า 16 ปีนับตั้งแต่การนำเสนอนาฬิกาในคอลเลคชั่น Turbine สู่ตลาดเป็นครั้งแรกในตัวเรือนทรงกลม ที่ได้พัฒนากลายเป็นความโดดเด่นของตัวเรือนทรงคุชชั่น พร้อมลายเส้นอันเรียบหรูและทันสมัยในรอบตัวเรือน พร้อมขนาดตัวเรือนที่ 42 มิลลิเมตรและผลิตจากสตีลพีวีดีสีดำ เพื่อความสามารถในการต้านทานรอยขีดข่วน ผนวกเข้ากับขอบหน้าปัดทรงแปดเหลี่ยมที่มีการขัดลายซาติน
พร้อมร่องแนวตั้งบนตัวเรือนที่ช่วยเพิ่มสัมผัสอันโดดเด่น โดยมีเม็ดมะยมตามรูปทรงเพรียวบาง ประกบติดกับตัวเรือนเพื่อให้รูปลักษณ์อันกลมกลืนกัน และกรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่ผ่านการ เคลือบสารป้องกันการสะท้อนของแสง พร้อมกับฝาหลังที่ยึดด้วยสกรูว์ 4 ชุด ใช้งานกับสายหนังลูกวัวสีดำ พร้อมตะเข็บเย็บสีเดียวกับหน้าปัด และชุดล็อคแบบบานพับ ในขณะที่หน้าปัดมีการลดจำนวนใบพัดจาก 12 ใบ
ให้เหลือเพียง 10 ใบมีดเพื่อทำให้สามารถมองเห็นชุดกลไก ที่มีรายละเอียดมากมายด้านล่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งยิ่งใบพัดหมุนในความเร็วมากเท่าไร ความงดงามของชุดกลไกก็จะยิ่งเผยออกมามากขึ้นเท่านั้น จากการตกแต่งอันประณีตของชุดกลไก ที่พัฒนาขึ้นและผลิตโดย SOPROD ซึ่งเป็นโรงงานในเครือเดียวกันกับ PERRELET โดยผู้ประกอบการชาวสเปนMiguel Rodriguez และเป็นที่มาของกลไกอินเฮ้าส์ชุดใหม่
คาลิเบอร์ P-331-SQ เพื่อฟังก์ชั่นชั่วโมง นาที และวินาที อันประกอบไปด้วยชิ้นส่วนจำนวน 78 ชิ้นและทำงานที่ความถี่ระดับ 4 เฮริท์ซหรือ 28,800 รอบต่อชั่วโมง พร้อมมอบพลังสำรองลานนาน 42 ชั่วโมงเมื่อไม่ได้สวมใส่ ซึ่งได้รับการรับรองความเที่ยงตรงโดยสถาบันอิสระอันทรงเกียรติของสวิส COSC หรือ Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres เพื่อมอบทั้งความเที่ยงตรงและความงดงามไปพร้อมๆ กัน
