Gravée Main, ศิลปะบนข้อมือ, Part II

จากงานการแกะสลักด้วยมือ ที่ถือเป็นศิลปะแห่งความลึกซึ้ง บนแกนหลักของตัวเรือนในแบบ Noirmont ขนาด 42 มิลลิเมตรที่ผลิตจากสตีล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวัสดุที่ยากต่อการแกะสลักด้วยมือ เนื่องจากมีความแข็งและทนทานต่อรอยขีดข่วนหรือการเสียรูป ดังนั้นกระบวนการในการทำงานทั้งหมด จึงต้องใช้ระยะเวลาถึงกว่า 50 ชั่วโมงนับตั้งแต่การร่างลายครั้งแรก บนพื้นผิวไปจนถึงการขัดเงาในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งผลลัพธ์ก็คือชิ้นงานยูนีคชิ้นเดียว ที่ยากต่อการลอกเลียนแบบได้ และเหนือกว่าการทำงานด้วยเครื่องจักรชนิดใดๆ ทั้งสิ้น

 

Screenshot 2568 09 11 at 22.22.13

 

กับพื้นผิวของตัวเรือน ขอบตัวเรือน สลัก เม็ดมะยม และหัวเข็มขัด ที่มีการแกะสลักและตกแต่งไว้ อย่างพิถีพิถันด้วยกระบวนการในการแกะสลักหลายขั้นตอน โดยทั้งหมดเริ่มต้นด้วยการร่างแบบ จากศิลปินร่างแบบและปรับแต่งลวดลาย หลังจากนั้นจึงเริ่มกรีดด้วยมือเปล่าเพื่อให้เกิดเป็นลายพื้นฐาน โดยเครื่องมือต่างๆ จะต้องได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยเลือกชนิดเครื่องมือที่แตกต่างกัน สำหรับความลึกที่แตกต่าง ซึ่งพื้นผิวจะถูกแกะสลักลึกลงเพื่อนำทาง จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการแกะสลักทีละเลยเส้น และทีละมิลลิเมตร

Screenshot 2568 09 11 at 22.22.28

โดยปรับให้เข้ากับรูปทรงและส่วนโค้งของชิ้นงาน และเมื่อแกะสลักเสร็จแล้ว รายละเอียด การแรเงา และพื้นผิวจะถูกเพิ่มเข้ามาด้วยมือและสายตา หลังจากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการทำความสะอาด และการขัดเงาเพื่อขับเน้นความแตกต่างและมิติ ซึ่งสุดท้ายก็คือการควบคุมคุณภาพ อันเป็นการตรวจสอบความสมดุลของภาพ และความสมบูรณ์ของโครงสร้าง โดยทั้งหมดนี้ถือเป็นสถาปัตยกรรมในแบบมินิมอลของ LOUIS ERARD ที่ถือเป็นผืนผ้าใบให้สำหรับ การตกแต่งด้วยเทคนิคโบราณจากหลายศตวรรษ และขยายไปจนถึงหน้าปัด

 

Screenshot 2568 09 11 at 22.24.12

 

ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาสไตล์บาโรค จับคู่กับตัวเลขโรมันและเข็มรูปลูกแพร์ ที่ผ่านการชุบโรเดียมจากการตีความใหม่ที่ทันสมัย โดยมีหน้าปัดที่ตั้งใจให้มีความเรียบง่าย จากการเคลือบแล็คเกอร์สีดำเงา พร้อมการพิมพ์ลายในโทนสีแอนทราไซต์และสีดำ ในตัวเรือนภายนอกอันโดดเด่น จากศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังงานอันทรงคุณค่านี้ ที่แต่ละเรือนจะสลักด้วยมือในยูเครนโดย Maksym Shavlak ช่างนาฬิกาและศิลปินผู้มีชื่อเสียง ในการเปลี่ยนโฉมนาฬิกาโบราณ ให้กลายเป็นนาฬิกาในแบบไฮบริดยุคสมัยใหม่

 

Screenshot 2568 09 11 at 22.22.13

 

ซึ่งถือเป็นการใช้เครื่องมือของเขาเพื่อคืนชีวิตใหม่ให้กับวัสดุ “การแกะสลักตัวเรือนเป็นมากกว่าการตกแต่ง แต่คือวิธีการถ่ายทอดความรู้สึกของวัสดุ จากสิ่งที่เริ่มต้นในการแลกเปลี่ยนด้านการออกแบบเมื่อกว่าหนึ่งปีก่อน กลายเป็นความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Gravée Main จากทุกอย่างที่เริ่มต้นด้วยการพบปะ พูดคุย และประกายแห่งวิสัยทัศน์ร่วมกัน ที่แสดงให้ LOUIS ERARD ได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งที่ดูดิบและสมจริง และปล่อยให้สตีลได้ถ่ายทอดความรู้สึกออกมา” Maksym Shavlak กล่าว

 

Screenshot 2568 09 11 at 22.21.44

 

มาธีดาร์ท (Métiers d’Art) ที่ LOUIS ERARD สร้างให้เข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จากการขยายไลน์นาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้อีกครั้งด้วยผลงาน Gravée Main หลังจากเปิดตัวนาฬิกาในเทคนิคกรองฟูว์อีนาเมล, งานฝังไม้ และงานแกะสลักลายกิโยเช่ โดยมีนาฬิกาในสองเทคนิคใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงาน GENEVA WATCH DAYS 2025 อันได้แก่ Gravée Main (การแกะสลักด้วยมือ) และ Fil d’Or (การฝังลวดทอง) ในโลกที่ทักษะความพิเศษเหล่านี้มักถูกสงวนไว้ สำหรับนักสะสมนาฬิการะดับสูง และผู้คนทั่วไปยากจะเอื้อมถึงเท่านั้น

 

 

Screenshot 2568 08 20 at 23.22.07