Excellence Petite Seconde Guilloché

LOUIS ERARD กับนาฬิกาใน 2 โทนสีใหม่ที่มาพร้อมลวดลายกิโยเช่อันซับซ้อนบนหน้าปัด ในแบบความหรูหราของแบรนด์ระดับสูงที่สามารถเข้าถึงได้ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ ในด้านการผลิต จากแนวคิดในการสร้างสรรค์นาฬิกาทุกเรือน ให้มีรหัสดีเอ็นเอในแบบของการผลิตนาฬิกาชั้นสูงเสมอ กับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Excellence Petite Seconde ซึ่งเป็นนาฬิกาในรุ่นเริ่มต้นของคอลเลคชั่น Excellence ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ในปี 2020 ตามแบบและสไตล์ของนาฬิกาในแบบดั้งเดิม

 

Screenshot 2568 06 12 at 23.58.46

 

พร้อมการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นก็คือการเพิ่มขนาดตัวเรือนเป็น 39 มิลลิเมตร ควบคู่กับตัวเรือนในขนาดเดิมที่ 42 มิลลิเมตร โดยช่วงหลายปีที่ผ่านมา นาฬิการุ่นนี้ได้ตอกย้ำสถานะของแบรนด์ ในฐานะนาฬิกาที่มีสไตล์อันคลาสสิค และร่วมสมัยได้อย่างแท้จริง ซึ่งมาพร้อมความสง่างาม เชื่อถือได้ และมีความโดดเด่นเหนือกาลเวลา ที่สามารถเป็นนาฬิกาคู่ใจได้ไปพร้อมกันอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีแม้ในรูปแบบที่เรียบง่ายหรือแหวกแนว พร้อมการแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายผ่านรูปแบบ

 

Screenshot 2568 06 13 at 00.00.44

 

ของทั้งสีสัน วัสดุ อัญมณี ซึ่งรวมถึงงานการการผลิต ในแบบประเพณีดั้งเดิมของเทคนิคการเคลือบ ที่เรียกกันว่าอีนาเมล หรือแม้กระทั่งในเทคนิคการผลิตแบบดั้งเดิม ที่เป็นการแกะสลักชิ้นงานที่เรียกกันว่ากิโยเช่ เช่นเดียวกันกับนาฬิกาสองรุ่นนี้รูปแบบ 2 แบบที่ LOUIS ERARDชื่นชอบในการนำเสนอ โดยยังคงมุ่งเน้นในด้านการตกแต่ง เช่นเดียวกันกับนาฬิกาชั้นสูง พร้อมการคงไว้ซึ่งแรงบันดาลใจดั้งเดิมเสมอมา ซึ่งนั่นก็คือการทำให้ความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายกับทุกๆ คน

 

Screenshot 2568 06 13 at 00.00.50

 

โดยนาฬิการุ่น Excellence Petite Seconde Guilloché ในขนาดตัวเรือนที่ 42 มิลลิเมตร จะมีหน้าปัดโทนสีดำแอนทราไซท์ และรุ่น Excellence Petite Seconde Guilloché ในขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตร จะมีหน้าปัดโทนสีน้ำเงินแอนทราไซท์ โดยเทคนิคการผลิตนี้เกิดจากการทำงาน ในโบราณที่เฟื่องฟูมากช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี จากช่างนาฬิกาผู้มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งจาก Abraham-Louis Breguet และ Urban Jürgensen ในแนวคิดด้านความงดงาม รวมทั้งด้านการใช้งานไปพร้อมกันด้วย

 

Screenshot 2568 06 13 at 00.00.57

 

มาพร้อมกับหน้าปัดใน 4 ส่วนโดยมีส่วนกลางที่จะดึงดูดสายตา ด้วยลวดลายที่เปล่งประกาย จากการตกกระทบของแสง บนความราบเรียบของหน้าปัด ที่ค่อยๆ มีความลึกลงเป็นคลื่นและค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากตรงส่วนกลาง ออกสู่รอบนอกอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเอฟเฟกท์อันคลาสสิกของเทคนิคการแกะสลักนี้ จะเรียกกันว่าลวดลายแบบฟลิงเก้ (Flinqué) ที่จะกระทำได้ด้วยมือ บนเครื่องแกะที่หมุนแบบแมนนวลเท่านั้น โดยแผงในส่วนกลางนี้ จะถูกล้อมรอบแบบคลาสสิค เพื่อที่นำไปสู่ชุดแผ่นวงกลมชั่วโมง

 

Screenshot 2568 06 13 at 00.02.32

 

ในขนาดที่ใหญ่ซึ่งปิดทับอีกครั้งด้วยลวดลายแปนียร์ (Panier) ที่จัดวางสลับกันอย่างประณีตเหมือนเกล็ด ที่ซ้อนกันอยู่รายรอบ พร้อมปิดท้ายชุดการออกแบบ ในลวดลายทั้งหมดด้วยแทร็คหรือ "รางรถไฟ" ที่มีขนาดเล็ก พร้อมกับชุดหน้าปัดย่อย เพื่อแสดงค่าวินาทีขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมการแกะสลักลวดลายกิโยเช่ ในแบบเดียวกันพร้อมโทนสีเข้มมากกว่า เพื่อให้เกิดมิติและสีสันที่สามารถแสดงให้เห็นได้ ในทันทีถึงความพิเศษของการทำงาน บนหน้าปัดที่ผลิตขึ้นอย่างประณีตตามแบบของแบรนด์นาฬิกาชั้นดีระดับโลก

 

Screenshot 2568 06 13 at 00.02.41

 

Screenshot 2568 06 13 at 00.26.14