Special Project One

MB&F SP One ซึ่งเดิมมีชื่อเรียกว่า "Three Circles" เป็นนาฬิกาที่โดดเด่นด้วยองค์ประกอบหลัก ในสามส่วนแบบลอยตัว ทั้งบาร์เรล บาลานซ์วีล และหน้าปัด ราวกับท้าทายแรงโน้มถ่วงบนข้อมือ โดยชุดชิ้นส่วนทั้งสามจะดูเสมือน ลอยอยู่กลางเวทีอัฒจันทร์ขนาดย่อม โดยสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผ่านโดมแซฟไฟร์ใสราวไร้ตัวตน และบาลานซ์วีลจุหมุนราวกับการเต้นรำกลางอากาศ ในขณะที่หน้าปัดแบบเอียงจะเน้นให้เห็น ถึงการออกแบบเฟืองทรงกรวยอันชาญฉลาดของ MB&F

 

Screenshot 2568 10 20 at 00.27.15

 

ดังนั้นนาฬิการุ่น SP One จึงเปรียบเสมือนผลงานวิศวกรรมเชิงกลอันน่าทึ่ง ที่เปลี่ยนข้อมือให้กลายเป็นเวที แห่งการแสดงค่าเวลาอันน่าหลงใหล ที่ไม่ยึดติดอยู่กับกฎของแรงโน้มถ่วงโดยมาในตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรที่มีทรงกลม โค้งมนและเรียบเนียน ผสานกับดีไซน์ไร้ขอบตัวเรือน และจุดเชื่อมสายที่แยกออกจากกัน ซึ่งแม้จะเป็นนาฬิกาที่เล็กและบางที่สุดของMB&F แต่ยังคงสะท้อนถึงสถาปัตยกรรมแบบสามมิติ อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงจิตวิญญาณแห่งการท้าทาย

 

Screenshot 2568 10 20 at 00.26.44

 

ของขอบเขตในด้านการออกแบบอย่างชัดเจน ดังนั้น SP One จึงเป็นนาฬิกาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความล้ำสมัย ของนาฬิกาในคอลเลกชั่น Horological Machines และความคลาสสิคของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Legacy Machines โดยเปิดตัวในฐานะนาฬิกาเรือนแรกในคอลเลกชั่นใหม่ที่ชื่อว่า “Special Projects” และเพื่อที่จะเข้าใจได้ถึงความน่าตื

 

Screenshot 2568 10 20 at 00.09.04

 

จะกลายเป็นหนึ่งในความสำเร็จ ของแบรนด์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน โดยในช่วงหลายปีถัดมา MB&F ก็ยังคงเดินหน้าอย่างแน่วแน่ พร้อมเปิดตัวผลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมการคว้ารางวัลจากเวที GPHG อันทรงเกียรติมาครอบครองหลายสาขา ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองอันเปี่ยมไปด้วย แรงบันดาลใจและความสำเร็จของแบรนด์อย่างแท้จริง แต่ตามที่ Maximilian Büsser ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ MB&F กล่าวไว้ว่า “ความสำเร็จอาจกลายเป็นยาพิษ” เพราะอาจนำไปสู่ความประมาท

 

Screenshot 2568 10 20 at 00.11.46

 

รวมถึงความเฉื่อยชาและการละเลยต่อลูกค้า รวมถึงการหยุดชะงักของความคิดสร้างสรรค์ โดยแทนที่จะปล่อยให้แบรนด์ตกอยู่ในกับดักเหล่านั้น ทีมงานกลับเลือกที่จะยกระดับพลังแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการล้วงมือลงลึกไปในตะกร้า แห่งโปรเจ็คท์ที่ถูกพักไว้ และนำไอเดียเดิมกลับมาต่อยอด ซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ ได้ตอกย้ำความจริงข้อหนึ่งนั่นคือ สิ่งที่ไม่คาดหวังอาจก่อให้เกิด เป็นสิ่งมหัศจรรย์และยังเป็นบทเรียนสำคัญที่ว่า แผนธุรกิจที่ดีที่สุดอาจเป็นสิ่งที่ไม่เคยวางแผนไว้เลย

 

Screenshot 2568 10 20 at 00.23.48

 

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของ MB&F ได้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าดูตามแผนการจัดการทั่วไป อาจเรียกได้ว่าแบรนด์นี้ทำทุกอย่างผิดแปลก และไม่มีแบบแผนทางธุรกิจที่ชัดเจน แต่มีเพียงความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ ในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย พร้อมการเดินสวนทางกับกระแสหลัก และสนุกไปกับความไม่ธรรมดาอย่างเต็มที่ และตะกร้าแห่งโปรเจ็คท์พิเศษ ที่เต็มไปด้วยแนวคิดซึ่งถูกร่างไว้ตลอดหลายปี  แนวคิดที่ในตอนนั้นอาจดูไร้เหตุผลหรือไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่กลับอัดแน่นด้วยจินตนาการอันท้าทาย

 

กรุณาติดตามตอนต่อในบทความครั้งต่อไป