Official Timing Partner of THE OCEAN RACE

ULYSSE NARDIN ในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน THE OCEAN RACEโดยมีเรื่องของเวลา เป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่นี้ ที่ไม่เพียงแต่ต้องใส่ใจในเรื่องจังหวะเวลา ของการแข่งขันและสถิติเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ที่การแข่งขันนี้ต้องแสดงความรับผิดชอบ ต่อสถานที่ๆ ใช้ในการแข่งขันด้วย ซึ่งก็คือมหาสมุทรนั่นเอง

 

image block 5

 

พร้อมกันนี้ที่ ULYSSE NARDIN มีการเปิดตัว THE OCEAN RACE Diver ซึ่งออกแบบให้เป็นคอลเลคชั่นสำหรับนักดำน้ำรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นจากวัสดุที่ยั่งยืน โดยนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเรือนนี้ คือนาฬิกาอย่างเป็นทางการสำหรับ THE OCEAN RACE นอกจากนี้ยังเป็นการมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการ ที่มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศอย่างจริงจังให้จบสิ้นภายในปี 2030

 

bg block 4

 

ULSSE NARDIN มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น กับโลกทางทะเลมาตั้งแต่ปี 1846 ตั้งแต่นาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์เรือนแรก ที่ถือเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องการสำรวจ ไปจนถึงอิทธิพลทางทะเลจากงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย ที่แบรนด์ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมหาสมุทรมาโดยตลอด ดังนั้นจึงถือเป็นหน้าที่อันสำคัญของ ULYSSE NARDIN ที่จะร่วมปกป้องท้องทะเลในโลกของเรา

 

victory

 

THE OCEAN RACE Diver ถือเป็นไข่มุกแห่งท้องทะเลจากความร่วมมือกันในหลายภาคส่วน โดยได้รับการออกแบบให้เป็นนาฬิกาคอลเลคชั่น สำหรับนักดำน้ำรุ่นแรกที่นำวิธีการอัพไซเคิลจากอวนจับปลา มาใช้ในการผลิตนาฬิกาอันล้ำสมัย จนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญและยังถือเป็นนาฬิกา อย่างเป็นทางการของการแข่งขันอันยิ่งใหญ่นี้ สำหรับนาฬิกาทั้งสองรุ่น

 

KEY VISUAL THE OCEAN RACE DIVER ULYSSE NARDIN cover

ทั้งนาฬิการุ่น THE OCEAN RACE Diver Chronograph ที่เป็นหนึ่งในส่วนของการฉลองครบรอบ 50 ปีของการ THE OCEAN RACE มาใน Ref. 1503-170LE-2A-TOR/3A ที่ผลิตตัวเรือนจากไทเทเนียมดีแอลซีสีดำ พร้อมเม็ดมะยมแบบขันเกลียว ที่มอบระดับการกันน้ำสูงสุดได้ถึง 300 เมตร รวมทั้งนาฬิการุ่น THE OCEAN RACE ใน Ref. 1183-170LE-1A-TOR/0A

 

Diver The Ocean Race 118 170LE 1A TOR 02

 

เพราะน้ำคือสิ่งสำคัญสำหรับมวลมนุษย์ และเป้าหมายของการแข่งขันคือการชนะเลิศ แต่รางวัลที่สำคัญที่สุดจะเป็นผลลัพท์ ในการร่วมกันปกป้องมหาสมุทรที่ถือเป็นคำมั่นของแบรนด์ ที่จะส่งมอบผลลัพท์เชิงบวกทางนิเวศน์ให้เกิดขึ้นภายในปี 2030 ซึ่งสำหรับนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว ULYSSE NARDIN จะสร้างสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับทั้งโลก ไม่ว่าจะเรื่องการปกป้องหรือเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีอันล้ำลึก